รีวิว Capcom Fighting Collection จากตู้เกมยุค 90 สู่ Gen ใหม่

และแล้วค่าย CAPCOM ที่ใครหลายคนน่าจะรู้จักกันอย่างดี ได้ออกคอลเลคชั่นเกมเก่า เป็นเกมแนว Fighting และความน่าสนใจในครั้งนี้ ก็ได้นำเฟรนไชน์ Darkstalkers ที่ได้เคยถูกรีมาสเตอร์มาบ้างแล้ว แต่ครั้งล่าสุดก็ได้ออกมาตั้งแต่ปี 2013 บนเครื่องเล่น XBOX 360 และ PlayStation 3 และยังมีอีกหลายเกมที่ถูกนำกลับมาทำใหม่อยู่บ่อย ๆ หรือบางเกมแทบจะไม่ค่อยเห็นเลย ต้องมาติดตามดูกันว่า 10 เกมที่ค่ายนำมาในครั้งนี้จะทำออกมาอย่างไรและจะคุ้มค่ามากแค่ไหนมีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้างต้องมาติดตามกัน

รีวิวเกม Capcom Fighting Collection จากตู้เกมยุค 90 สู่ Gen ใหม่

อย่างที่รู้จักกันดีว่า ค่าย CAPCOM จะทำ Capcom Fighting Collection จากเกมอาเขตในยุค 90 มาทำทั้งหมด 10 เกม ตั้งแต่ Darkstalkers หรือ Vampire ซึ่งภาคแรกคือ Darkstalkers : The Night Warriors ที่ได้ลงเกมอาเขตไปเมื่อปี 1994 ส่วนภาคสองจะเป็น Night Warriors : Darkstalkers’ Revenge จากปี 1995 ส่วนภาค 3 คือ Vampire Savior : The Lord of Vampire จากปี 1997 และอีกสองภาคคือ Vampire Hunter 2 : Darkstalkers’ Revenge และ Vampire Savior 2 : The lord of Vampire ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นเสริมของภาคสาม โดยที่ซีรี่ย์นี้ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ต่างจากเกม Fighting เกมอื่น ๆ คือ เกมนี้จะเป็นการนำเอาเหล่าภูตผีปีศาจ จากตำนานต่าง ๆ ทั่วโลกนำมาเป็นตัวละครเพื่อต่อสู้กัน โดยทุก ๆ ตัวก็ถูกออกแบบมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ มีแอ็คชั่นที่น่าสนใจ บวกกับแบคกราวด์ของแต่ละฉาก ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละตัวละคร ทำให้ Theme ของเกมนี้ ถูกใจสายเกมแนว Fighting หลาย ๆ คนในยุคนั้น ต่อมาจะเป็นเกม Cyberbots : Fullmetal Madness จากปี 1995 เป็นเกมแนว Fighting ที่เป็น Spin off จาก CAPCOM ที่ชื่อว่า Armored Warriors โดยใช้หุ่นยนต์ต่อสู้กัน โดยในเกมผู้เล่นจะได้เลือกตัวละครที่เป็นคนขับ

Capcom Fighting Collection

ซึ่งมันก็จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องและการเลือกหุ่นที่มันจะมีผลต่อเกมเพลย์อีกด้วย และอีกเกมที่น่าสนใจก็คือเกม Super Puzzle Fighter ll Turbo เป็นเกมแนวต่อเพชรที่ดังมาก ๆ ในช่วงปี 1996 จนถึงปี 2000 ต้น ๆ เลย แม้แต่ในประเทศไทยเอง ด้วยความที่เป็นเกมแนว Puzzle จึงดูไม่น่าจะนำมารวมกับเกมพวกนี้ได้ แต่เกมนี้ก็เป็นเกมที่นำตัวละครจาก CAPCOM เพื่อมาเป็นกิมมิกให้กับเกมนี้ แม้จะไม่ใช่เกมแนว Fighting ก็ตาม ส่วนความสนุกของเกมนี้สามารถเข้าถึงได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็สามารถติดเกมนี้ได้อย่างง่าย แถมมันยังมาพร้อมภาค Spin off  ที่ได้กลายมาเป็นเกม Fighting ที่ชื่อว่า Super Gem Fighter minimix ที่นำโมเดลจาก SD จาก Super Puzzle Fighter มาต่อสู้กันและได้เพิ่มการเก็บเพชรมาเพิ่มพลังในการต่อสู้และมีสไตล์ที่น่ารักและสดใส และเกม Hyper Street Fighter ll : The Anniversary Edition เป็นเกมต่อสู้สุดคลาสสิกจากค่าย CAPCOM ซึ่งถูกจับมาทำใหม่หลายครั้ง แต่รอบนี้ได้นำเอาเวอร์ชั่นนี้ที่อยู่ในตู้อาเขตจากปี 2003 นำมาทำครบรอบ 15 ปีของซีรี่ย์ในช่วงนั้น

ซึ่งผู้เล่นจะสามารถใช้ตัวละครจากทุกเวอร์ชั่นได้ ส่วนเกมสุดท้ายคือ Red Earth ซึ่งในประเทศไทยเองสมัยนั้นอาจจะไม่ได้นิยมมากนัก แถมยังเป็นเกมที่ยังไม่เคยถูกรีมาสเตอร์เลย จนเกม Capcom Fighting Collection นี้ได้ทำออกมา ซึ่งมีให้เล่นอยู่สองโหมด คือ เควสท์โหมดสำหรับเล่นคนเดียวและ Versus โหมด สำหรับการต่อสู้กัน โดยในเควสท์โหมดจะให้ผู้เล่นเลือกตัวละครจาก 4 ตัว เพื่อต่อสู้กับบอสไฟท์และก็จะมีเนื้อเรื่องแยกของแต่ละตัวละคร ทำให้ได้อารมณ์ของเกมแนว Fighting ผสมความแอดเวนเจอร์ กับเซ็ตติ้งที่เป็นยุคกลางและสัตว์ประหลาดจากเทพนิยายอีกมากมาย และยังมีระบบเซฟผ่านพาสเวิร์ดทำให้ผู้เล่นกลับไปเล่นต่อได้ ถือว่ามีความแปลกใหม่พอสมควรกับเกมตู้อาเขตในสมัยนั้น

นอกจากตัวเกมแล้วเกมนี้ก็ยังมี option และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกด้วย ทั้งการปรับแต่งปุ่มที่สามารถแยกปรับเป็นเกม ๆ ไปได้และยังมีการปรับระดับความยากได้อีกด้วย และยังมี Quick Save และโหลดเซฟในจุดที่เราต้องการ เพื่อกลับไปเล่นต่อในจุดนั้นได้เลย หรือการปรับแต่งหน้าจออัตราส่วนของภาพให้เป็นแบบเต็มจอ 4 : 3 หรือการใส่วอลล์เปเปอร์ไว้ด้านหลัง ซึ่งก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ และยังมีการปรับฟิลเตอร์ให้เป็นจอแบบ CRT แบบตู้เกมอาเขตในสมัยนั้นได้อีกด้วยหรือถ้าไม่ต้องการก็สามารถปิดไปเลยก็ได้ ซึ่งในขณะที่กำลังปรับแต่งผู้เล่นก็จะไม่สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้และไม่ได้มีชื่อฟิลเตอร์บอกเอาไว้ทำให้ผู้เล่นต้องออกไปดูเอาเอง อีกส่วนที่น่าสนใจคือตัวเกมให้ผู้เล่นสามารถเลือกสลับระหว่างเวอร์ชั่นญี่ปุ่นและ US ได้อีกด้วย ซึ่งก็จะแตกต่างกันทั้งเรื่องภาษาและชื่อเล่นตัวละครในแต่ละตัว และอีกส่วนหนึ่งก็คือเมนู Museum ที่จะถูกแบ่งออกตามเกมมีทั้ง concept Art Soundtrack ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของเกมนี้เลยมีทั้งงานศิลป์ของตัวละครและฉากในเกมที่มีเอกลักษณ์และทำออกมาได้อย่างงดงามมาก ๆ ทั้งเพลงในเกมที่มีความไพเราะด้วย

รายละเอียดเกม Capcom Fighting Collection จากตู้เกมยุค 90 สู่ Gen ใหม่

ส่วนระบบการเล่นภายในเกมก็จะเหมือนเดิม อย่างที่ผู้เล่นเคยเล่นกันมา ซึ่งในเกมแต่ละเกมก็จะมี เอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ Darkstalkers จะมีความซับซ้อนมากกว่าอันอื่น ทั้งในเรื่องของปุ่มกดจังหวะในการกดท่าและเรื่องของคอมโบต่าง ๆ เพราะการเลือกใช้ตัวละครแต่ละตัวก็จะมีใส่การเล่นที่แตกต่างกันออกไป แม้เวลาจะผ่านมานานแต่ตัวเกมก็ยังให้ความรู้สึกที่หนักแน่นอยู่ มีทั้งความสนุกและ Impact มาก ส่วน Cyberbots และ Red Earth ก็จะมีความแตกต่าง จากเกม Fighting อื่น ๆ เพราะด้วยฉากหลังและตัวละครของเกมทั้งจังหวะการเล่นก็ด้วย ซึ่งจะออกแนว 2 D แบบบอสไฟท์มากกว่าการต่อสู้ธรรมดา แต่ก็ยังถูกคั่นด้วยอีกสองเกมที่มีความน่ารักสดใสและสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สามารถเล่นกับครอบครัวได้ อย่าง Puzzle Fighter ll ที่เป็นการต่อเพชรและรวมเพชรสีเดียวกันให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรอตัวระเบิด

Capcom Fighting Collection

ซึ่งจะเป็นการส่งบล็อกเพื่อไปโจมตีฝั่งตรงข้ามในแต่ละตัวละคร โดยเอฟเฟคในเกมนี้ก็ทำออกมาได้อย่างสะใจมาก ๆ ส่วน Super Fighter minimix ก็ได้ถูกลดความซับซ้อนลง ทั้งการต่อคอมโบด้วยปุ่มปุ่มเดียวและไม่ต้องมาคอยจำปุ่มการกดท่าพิเศษก็จะทำให้การเล่นนั้นไม่ยาก ส่วน Hyper Street fighter ll ก็แทบจะไม่ต้องแนะนำอะไรมากเลยเพราะหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันอย่างดี โดยที่ทุก ๆ เกมในภาคนี้ก็ถือว่าสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี ทั้งเรื่องของจังหวะและการควบคุมต่าง ๆ ถ้าใครที่มีจอยสติ๊กน่าจะเพิ่มความฟินเข้าไปได้อีก เหมือนย้อนกลับไปเล่นสมัยก่อนเลย แถมตัวเกมยังรองรับการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ด้วย ทั้งการแบ่งจอ และออนไลน์ และยังมี leaderboard ให้ผู้เล่นได้ไต่อันดับแข่งกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย แถมยังมีรางวัลให้ผู้เล่นได้ปลดล็อค ซึ่งเรียกว่าเป็นไฟเตอร์อวอร์ด ให้ผู้เล่นได้ทำตามภารกิจต่าง ๆ ที่เกมได้กำหนดไว้ช่วยเพิ่มความท้าทายให้กับผู้เล่นได้อย่างดี

ในส่วนของระบบกราฟฟิกนั้น อาจจะไม่ได้เน้นสักเท่าไหร่ แต่ในภาคนี้ งานอาร์ตถือว่าทำออกมาได้อย่างโดดเด่นมาตลอด และยิ่งได้รับการรีมาสเตอร์ความคมชัดขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับจอในสมัยนี้ ก็ทำให้เกมดูมีความทันสมัยมากขึ้นนิดนึง ส่วนเพอร์ฟอร์แมนซ์และความลื่นไหลของเกมก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างดี ส่วนซาวด์เอฟเฟคต่าง ๆ มีทั้งบทเพลงที่ไพเราะและสร้างความคลาสสิคได้มาก พวกเพลงต่าง ๆ สร้างความสนใจให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดีแถมยังได้ถูกปรับปรุงให้มีความชัดมากขึ้นอีกด้วย

ถ้าใครที่เป็นแฟนของเกมนี้ หรือใครที่เป็นคอเกมในยุค 90 เคยเล่นตามตู้เกมต่าง ๆ ใน Collection นี้ก็ถือว่าตอบโจทย์คุณมาก ๆ เพราะมันคัดเลือกเฟรนไชส์ที่ยอดเยี่ยมมาแล้ว 10 เกม ส่วนฟีเจอร์และพวกคอนเทนท์เสริมก็ได้ใส่เข้ามาพอสมควรส่วนเพอร์ฟอร์แมนซ์ก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ แต่ถ้าใครที่ไม่ได้เป็นแฟนเกมแนวนี้ก็อาจจะดูเกมอื่นแทนที่เป็นเกมแนวใหม่ ๆ